วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สถานที่ท่องเที่ยวใน อ.แม่สรวย

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ สถานที่ท่องเที่ยวใน  อ.แม่สรวย ค่ะ

1.ถ้ำแม่สรวย

เป็น สถานที่ท่องเที่ยว ตั้งอยู่ บ้านสันกลาง หมู่2 ต.แม่สรวย สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบและหลงใหลในความงดงามของหินงอก หินย้อย ภายในถ้ำและความเป็นธรรมชาติ   ตำบลแม่สรวย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย

                "ถ้ำแม่สรวย" หรือเรียกอีกชื่อว่า "ถ้ำพระวิหารไตรลักษณาคุณพุทธสถาน" ตั้งอยู่ที่บ้านเด่นภูเวียง หมู่ 14 ตำบลแม่สรวย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เมื่อเดินเข้าไปด้านในของถ้ำจะพบกับห้องโถงที่กว้างใหญ่ และเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปหลายองค์ให้สักการะกราบไหว้ ภายในถ้ำอากาศด้านในจะเย็นมาก และจะมีหลายทางเดินให้เราได้ชมความสวยงามของถ้ำทั้งหินงอก หินย้อย เสาถ้ำ บางจุดจะมีบ่อน้ำตามซอกหิน เมื่อเดินขึ้นไปอีกจะเป็นที่ประดิษฐานองค์พระแก้วมรกต ซึ่งทางเดินขึ้นไปที่องค์พระแก้วมรกตจะเป็นทางเดินที่แคบและต่ำมากต้องคลานขึ้นไปจุดนี้จะปิดล็อคด้วยประตูใส่กุญแจและจะเปิดให้สักการะกราบไหว้พระแก้วมรกตเมื่อถึงประเพณีขึ้นถ้ำแม่สรวยซึ่งเป็นประเพณีที่จะจัดขึ้นทุกปีเมื่อถึงประเพณีสงกรานต์


                      สำหรับเส้นทางไปเที่ยวถ้ำแม่สรวย จะใช้เส้นทางไปเขื่อนแม่สรวย หรือใช้เส้นทางไปวัดแม่สรวยหลวงก็ได้ ถนนไปถ้ำแม่สรวยเป็นเส้นทางที่ขับเลียบไปกับเขื่อนแม่สรวย ทำให้เห็นวิวของเขื่อนแม่สรวยไปพร้อมๆ กัน สวย ถนนเป็นดินลูกรังที่เทศบาลเวียงสรวยปรับเรียบร้อย รถเก๋งไปได้ ขึ้นเขาบ้าง ลงเขาบ้างแต่ไม่อันตราย ระยะทางไม่ไกล และเมื่อไปถึงถ้ำแม่สรวยต้องออกกำลังขาเดินขึ้นไปเพราะถ้ำอยู่สูง เมื่อมองลงมาจากถ้ำจะเห็นเขื่อนแม่สรวยอยู่ตรงด้านหน้าของถ้ำแม่สรวย และที่นี่ยังทิ้งร่องรอยของการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวสิ่งก่อสร้างที่หักพัง

                         ไปเที่ยวถ้ำแม่สรวยสิ่งที่ขาดไม่ได้คือไฟปัจจุบันถ้ำแม่สรวยไม่มีไฟฟ้าด้านในถ้ำจะมืดมากควรพกไฟฉายที่ให้แสงสว่างมากกว่าปกติ เพื่อจะได้ชมความงามของถ้ำแม่สรวยได้ทุกซอกทุกมุมของถ้ำ แนะนำอีกนิดไม่ควรไปเที่ยวถ้ำแม่สรวยคนเดียวอาจหลงถ้ำได้ถ้าไม่เคยไป เที่ยวเขื่อนแม่สรวยถ้ามีเวลาเหลืออย่าลืมไปชมความงาม ความยิ่งใหญ่ของถ้ำแม่สรวยและพระมหาเจดีย์พระบรมธาตุ "คุ้มเวียงสรวย" ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันปัจจุบันพระมหาเจดีย์พระบรมธาตุคุ้มเวียงสรวยเกิดการเอียงจากแผ่นดินไหวเชียงรายที่ผ่านมา







http://banjong4000.blogspot.com/2015/05/blog-post.html


2.ศาลสมเด็จพระนเรศวรอำเภอแม่สรวย
ศาลพระนเรศวรมหาราช   สร้าง ขื้นเมื่อปี 2512 ในอดีตเป็นที่พักแรมของกองทัพ ไทยเมื่อยกทัพไปตีพม่า ตั้งอยู่บนนถนนสาย เชียงราย-เชียงใหม่ ช่วงกิโลเมตรที่ 126-127 หมู่ 13 ตำบลแม่พริก เป็นสวนสาธารณธสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ    ตำบลแม่พริก อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงรายศาลสมเด็จพระนเรศวร อำเภอแม่สรวย : พันเรื่องถิ่นแผ่นดินไทย โดยศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ และคณะ
            ปัจจุบันการเดินทางจาก จ.เชียงใหม่ ไป จ.เชียงราย นิยมใช้เส้นทาง อ.ดอยสะเก็ด ผ่าน ต.แม่ขะจาน อ.เวียงป่าเป้า และผ่าน อ.แม่สรวย ก่อนที่จะเข้าสู่ตัว จ.เชียงราย นับเป็นเส้นทางที่สะดวก และมีทัศนียภาพที่งดงาม ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่จะเล่าในคราวนี้ ตั้งอยู่บนเนินสูงทางด้านขวามือ ก่อนจะถึงตัว อ.แม่สรวย ไม่ไกลนัก สามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ตรงบริเวณด้านหน้าทางเข้าศาลจะมีรูปปั้นช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวร จำนวน 2 ช้าง ยืนโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ที่นั่น
            สำหรับสถานที่อันเป็นบริเวณตั้งศาลสมเด็จพระนเรศวรแห่งนี้ มีประวัติกล่าวไว้ว่า เป็นสถานที่ซึ่ง สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ พระอนุชาธิราช ได้เคยเสด็จกรีธาทัพหลวง ออกจากกรุงศรีอยุธยา เพื่อไปตีกรุงอังวะ ซึ่งอยู่ทางตอนบนของ จ.เชียงราย ในครั้งนั้นได้ทรงยกทัพเข้าสู่เมืองเชียงใหม่ และประทับอยู่เป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นได้จัดทัพเป็น 2 ส่วน ให้พระอนุชาเสด็จไปทาง อ.ฝาง ส่วนพระองค์เสด็จทาง อ.แม่สรวย และทรงพักทัพอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้
            ด้วยประวัติของสถานที่ดังที่ได้กล่าวมา เมื่อครั้งวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมายัง อ.แม่สรวย ในครั้งนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบวงสรวงสังเวย เป็นราชพลี และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายแด่ดวงพระวิญญาณ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ พระอนุชาธิราช ตลอดจนเหล่าทหารหาญที่ตามเสด็จครั้งนั้น
            ต่อมาในวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2533 พล.ท.ศิริ ทิวะพันธุ์ แม่ทัพภาคที่ 3 (ยศ และตำแหน่งในขณะนั้น) ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ ในการตั้งศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนี้ขึ้นมา ครั้นเมื่อวันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ.2534 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานพิธีเททองหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขนาดเท่าพระองค์จริง ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ และได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่ศาลอำเภอแม่สรวย ในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2546
            สำหรับพระราชประวัติโดยสังเขปของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช นั้น ภายหลังที่ทรงเป็นองค์ประกันที่กรุงหงสาวดีแล้ว ได้เสด็จกลับสู่กรุงศรีอยุธยา และทรงประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นตรงต่อพม่า ครั้นปีพ.ศ.2133 ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 18 แห่งกรุงศรีอยุธยารามเทพนคร เสวยราชสมบัติอยู่เป็นเวลา 15 ปี ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ทรงทำการรบเป็นสามารถมาโดยตลอด เป็นเหตุให้ภายหลังรัชกาลของพระองค์ พม่าไม่มารบกับสยามอีกเลย เป็นเวลากว่า 150 ปี จึงควรที่ลูกหลานไทยจะได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ไปตราบชีวิตจะหาไม่
           
http://www.komchadluek.net/detail/20111006/111045/ศาลสมเด็จพระนเรศวรอำเภอแม่สรวย.html








3.โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่
หมู่บ้านห้วยหญ้าไซ หมู่ที่ 11 ตำบลป่าแดด อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
ข้อมูลติดต่อ :องค์การบริหารส่วนตำบลป่าแดด 99/15 ถ.แม่สรวย-ฝาง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย โทร. 053-708172 เว็บไซต์: http://padadcr.net/
สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำริที่จะสร้างโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่เพื่อให้ชาวบ้านเข้ามา ดูแลและรักษาป่า ต้นน้ำ ให้คงสภาพเดิม โดยให้ราษฎรอยู่กับป่าไม้ ไม่มีการตัดไม้ทำลายป่าตลอดจนช่วยกันดูแลรักษาป่าแหล่งต้นลำธาร โดยมอบให้กองทัพภาคที่ 3 รับผิดชอบในการประสานการปฎิบัติงาน ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย จ.เชียงราย อยู่ห่างจากจังหวัดเชียงรายไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 80 กม.และอยู่ห่างจากอ.แม่สรวยทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 30 กม.  ตำบลป่าแดด อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
http://www.chiangraifocus.com/เที่ยวเชียงราย/99/โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริ-ห้วยหญ้าไซ-จ.เชียงราย










4.ภูน้ำสรวย
หรือจะเรียกอีกชื่อว่า "เขื่อนแม่สรวย" สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2541 โดยทางสำนักงานชลประทานแม่สรวย ได้ก่อสร้างเขื่อนแม่สรวยขึ้นที่ช่องเขาด้านทิศเหนือของยอดเขาแห่งนี้ ตั้งอยู่หมู่ 14 บ้านเด่นภูเวียง ตำบลแม่สรวย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เป็นอ่างกักเก็บน้ำขนาดใหญ่สวยงามโดยมีภูเขาล้อมรอบกักเก็บน้ำจากลำน้ำสรวยผันน้ำไปใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตรกรรม และอยู่ในเขตดูแลรับผิดชอบของสำนักงานชลประทานแม่สรวย

ภายในอ่างเก็บน้ำแม่สรวยจะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟกับมุมสวย บรรยากาศดี ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว หรือจะเช่าแพล่องเรือชมวิวของอ่างเก็บน้ำแม่สรวยใช้เป็นที่สังสรรค์กับเพื่อนๆได้ ภูน้ำสรวยอยู่ห่างจากอำเภอแม่สรวย 7 กิโลเมตร ใช้เส้นทางที่จะไปดอยวาวี ดอยช้าง เข้าที่บ้านตีนดอย ถนนได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ดีมาก

ภูน้ำสรวย ได้ปรับปรุงเป็นแหล่งท่องเที่ยวของอำเภอแม่สรวยขึ้นมาใหม่ ที่นี่มีของเล่นหลากหลายให้บริการแก่นักท่องเที่ยวเหมาะกับสภาพอากาศในหน้าร้อน เช่น เรือบานาน่าโบ๊ท เรือแคนู เจ๊ทสกี โซฟา ซอฟท์บอล


บริเวณภายในเขื่อนแม่สรวยจะเป็นที่ตั้งของพระมหาเจดีย์พระบรมธาตุคุ้มเวียงสรวยเป็นอีกหนึ่งในศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพระพุทธศาสนาของอำเภอแม่สรวย กับตำนานจ๊างปู๊เอกงาเดียวช้างศึกของพ่อขุนทัพคุ้มเวียงสรวย ขับรถขึ้นไปเที่ยวได้ ถนนชันนิดหนึ่ง มีโอกาสมาเที่ยวภูน้ำสรวย อย่าลืมขึ้นไปสักการะกราบไหว้ได้นะค่ะ...
เมื่อเข้าสู่หมู่บ้านตืนดอยให้เลี้ยวขวาขึ้นไป ระยะทางอีกประมาณ 3 กิโลเมตร

รถยนต์สามารถจอดบนสันเขื่อนได้เลย มีร้านอาหาร แพ ให้บริการนั่งพักผ่อน

 ภาพวิวเขื่อนในยามฤดูฝน  ถ่ายจากบนสันเขือน

 จากตรงนี้สามารถเดินขึ้นไปเที่ยวชมพระธาตุคุ้มเวียงสวยได้อีกด้วย

เมื่อมองไปข้างล่าง จะเห็นทุ่งนาที่เขียวชะอุ่มล้ำอ่างเก็บน้ำ


http://www.chiangraifocus.com/เที่ยวเชียงราย/220/อ่างเก็บน้ำแม่สรวย

5.พระธาตุจอมแจ้ง
ระธาตุจอมแจ้ง แม่สรวย เชียงราย

             วัดพระธาตุจอมแจ้ง ตั้งอยู่เลขที่ 1 หมู่ที่ 12 ต.แม่สรวย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เป็นวัดเก่าแก่มาแต่โบราณกาล ชาวบ้านเรียกว่า "วัดพระธาตุจอมแจ้ง" เพราะมีพระธาตุอยู่ก่อนแล้ว เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในบางคืนชาวบ้านบางท่านจะเห็นแสงของพระธาตุออกจากองค์พระธาตุวนเวียนไปมา และชาวบ้านต่างเคารพบูชาองค์พระธาตุจอมแจ้งเป็นอย่างยิ่ง เมื่อถึงเทศกาลทำนาปีไหนฟ้าฝนไม่อำนวย ชาวบ้านนิยมนำดอกไม้ธูปเทียนขึ้นมาบูชาอธิฐานขอให้ฝนตก มักจะสำเร็จสมปรารถนาของชาวบ้านสมัยนั้น จึงมีการทำบุญเป็นประเพณี ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เหนือ ตรงกับวันวิสาขบูชา เป็นประจำทุกปีตลอดมาจนถึงปัจจุบัน...

วัดพระธาตุจอมเป็นวัดเก่าแก่มาแต่โบราณ ตามตำนานกล่าวว่ามีพระมหาเถระเจ้ารูปหนึ่งได้เดินทางจาริกเทศนาสั่งสอนพุทธศาสนิกชน เพื่อเป็นการประกาศพุทธศาสนา มาจนถึงสถานที่แห่งนี้ถึงรุ่งสว่างพอดี เมื่อปี พ.ศ. 2001 จึงได้ขอวานตาแก่คนหนึ่งที่ปฏิบัติธรรมเฝ้ารักษาพระธาตุแห่งนี้ ให้ไปตักน้ำที่แม่น้ำช่วยขึ้นมาล้างหน้า และได้พักอยู่ที่นี่ 7 วัน ก่อนที่จะเดินทางต่อไป ได้มอบพระบรมสารีริกธาตุให้ตาแก่คนนั้นนำไปบรรจุลงในพระธาตุจนเป็นที่สำเร็จลุล่วงแล้ว จึงเดินทางจาริกต่อไปและยังได้ทำนายไว้ว่าสมัยต่อไปข้างหน้านี้ ชาวบ้านจะเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า "พระธาตุจอมแจ้ง"

เชื่อกันว่า ถ้าได้กราบไหว้พระธาตุจอมแจ้งและตั้งจิตอธิฐานท่านจะประสบความสำเร็จ และรู้แจ้งเห็นจริง ดังนั้นทุกวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 จะมีการจัดงานบุญประเพณีทุกปี...

การเดินทางไปวัดพระธาตุจอมแจ้ง เมื่อมาถึงหน้าที่ว่าการอำเภอแม่สรวยแล้ววัดพระธาตุจอมแจ้งจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหน้าที่ว่าการอำเภอแม่สรวยจะมีซอยเข้าวัดตรงหน้าที่ว่าการอำเภอแม่สรวย ถนนแคบนิดหนึ่ง เพราะเป็นถนนในหมู่บ้าน ขับเข้าไปไม่ไกลเท่าไร ระยะทาง 300 เมตร ถนนขึ้นวัดพระธาตุจอมแจ้งสูง โค้ง แคบ และชันหรือจะออกกำลังขาเดินขึ้นตรงบันไดหน้าวัดก็ได้สูงเหมือนกัน..

กรณีมาจากเชียงรายจะเจอป้ายนี้หน้าอำเภอแม่สรวย

ถนนขึ้นพระธาตุจอมแจ้ง  สูง โค้ง  ชัน แคบ

ทางเดินขึ้นพระธาตุ สูง ชัน แต่ไม่อันตราย
วัดพระธาตุจอมแจ้ง



พระธาตุจอมแจ้ง




http://banjong4000.blogspot.com/2013/05/blog-post_24.html



6.ดอยวาวี 
                       ดอยวาวี ตั้งอยู่ หมู่ 1 ต.วาวี อ.แม่สรวย เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ ของชาวจีนฮ่อ บนดอยวาวี ยังมีความเป็น เอกลักษณ์ อีกอย่างหนึ่ง ที่ชวนให้หลงใหล หลงรส นั่นก็คือ เสน่ห์แห่ง "ชา" ที่ชาวบ้านบนดอยวาวี ปลูกกันเป็น อาชีพหลัก อย่างเป็นล่ำเป็นสัน 
                      บนดอยวาวียังไม่หมดของดีเพียงเท่านี้ เพราะการที่ดอยแห่งนี้ มีชนเผ่าอาศัยอยู่ถึง 13 ชนเผ่า อาทิ อาข่า (มีอยู่เยอะที่สุด) มูเซอ ลีซอ เย้า กะเหรี่ยง จีนฮ่อ และเผ่าอื่นๆ ก็ทำให้ดอยแห่งนี้ มีวัฒนธรรมและประเพณี การแต่งกาย บ้านเรือน และภาษา ของแต่ละชนเผ่า ที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป แต่ว่าทุกคนบนดอยวาวี ต่างก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติที่โอบล้อม




จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนดอยวาวี
                 

                  1.ชมไร่ชาและชิมชา
นอกจากจะมีชาให้ชิมให้ช้อป (หาซื้อหาชิมได้ตามร้านขายชาทั่วไป) แล้ว ดอยวาวียังมีชาให้ชมด้วย ซึ่งนอกจาก ไร่ชา ที่ชาวบ้านปลูกเรียงราย ลดหลั่นไปตามไหล่เขาแล้ว ดอยวาวียังมีต้น "ชาพันปี" ที่บ้านใหม่พัฒนา เป็นหนึ่ง ในจุดสนใจทางการท่องเที่ยว ชาพันปีต้นนี้ วัดเส้นรอบวงบริเวณโคนต้นได้ 150 เซนติเมตร สูงถึง 20 เมตร เป็นชา สายพันธุ์อัสสัม ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ บนดอยวาวีมาช้านานแล้ว ชาวบ้านนิยมนำใบมาทำ "เมี่ยง" กินให้ความ กระชุ่มกระชวย




               
                    2. ดอยเลาลี
การเดินทาง ใช้ถนน รพช. ไปบ้านใหม่หมอกจ๋าม ผ่านบ้านวาวีไปอีก 4 กม. เป็นทางลูกรัง ผ่านไร่ชาบนภูเขา เลารีรีสอร์ตอยู่ขวามือ เป็นดอยเล็กๆ ระดับความสูงประมาณ 1,300 ม. จากระดับน้ำทะเล เป็นที่ตั้งของ เลาลีรีสอร์ต ที่พักเพียงแห่งเดียวในละแวกดอยวาวี เลาลีเป็นชื่อของอดีตทหารสังกัดกองพล 93 ที่มาหักร้าง ถางพงบนที่ดินในหุบเขา และยอดดอยเตี้ยๆ ห่างจากบ้านวาวีประมาณ 4 กม. เพื่อทำไร่ชา บริเวณนี้มีไร่ชาปลูก ลดหลั่น ตามลาดเขา มีทิวทัศน์สวยงามมาก
เพิ่มคำอธิบายภาพ















ที่พัก เลาลี รีสอร์ต เลขที่ 15 หมู่ 20 ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย 57180 โทร. 053-760151-2
บรรยากาศของเลาลี รีสอร์ท
                  
                         3. ชมทะเลหมอกดอยกาดผี
เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ อ.แม่สรวย ดอยกาดผีเป็นชะง่อนผาที่ระดับความสูงประมาณ 1,500 ม. อยู่บน เทือกดอยช้าง ในหน้าหนาวอากาศเย็นจัดมองเห็นสายหมอก ก่อตัวที่หุบเบื้องล่าง มีทิวทัศน์สวยงามมาก ไม่แพ้จุด ชมทะเลหมอกที่ภูชี้ฟ้า แต่เส้นทางไปค่อนข้างทุรกันดาร ระยะทางเกือบ 20 กม. วิธีที่สะดวกที่สุด คือ ติดต่อเลาลี รีสอร์ต ซึ่งมีทัวร์แบบวันเดียว ไปชมทะเลหมอกที่ดอยกาดผี และไร่ชากลางหุบเขาในฤดูหนาว เส้นทางไปยัง ดอยกาดผี จะผ่านบ้านชาวเขาเผ่าอาข่า และเผ่าเย้า ซึ่งยังคงขนบธรรมเนียมประเพณีของชนเผ่า
ทะเลหมอกดอยกาดผี




     



     




พระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า



ทะเลหมอกระหว่างทาง

http://www.paiduaykan.com/76_province/north/chiangrai/doiwavee.html

7.ดอยช้าง
ชื่อ "บ้านดอยช้าง" ตั้งขึ้นตามลักษณะของภูเขาที่มีรูปร่างเหมือนช้างแม่ลูกสองเชือก หันหน้าไปทาง ทิศเหนือ (ตัวจังหวัดเชียงราย) สามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่บริเวณโรงเรียนบ้านดอยช้าง มี ผาหัวช้าง สูง 1,800 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม อากาศเย็นสบายตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียส ดอยช้างมีชื่อเสียงในเรื่องของเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย มาเที่ยวที่นี่ นักท่องเที่ยว จะได้ชมสวนกาแฟที่สุกอร่ามเต็มดอย พร้อมๆกับชมดอกซากุระหรือนางพญาเสือโคร่งที่กำลังบาน สีสันสดใส ชมพู อีกทั้งเพลินตา กับศิลปะวิถีชาวบ้าน  


1.ชมแปลงปลูกดอกไม้และผลไม้เมืองหนาว ดอกนางพญาเสือโคร่งบาน 
เป็นแปลงปลูกผลไม้เมืองหนาว เช่า เกาลัด มะคาเดเมียนัต บ๊วย ท้อ พลับ พลัม กาแฟ ให้ผลผลิตในฤดูหนาว แต่ไม่มีจำหน่าย มีเจ้าหน้าที่พาชมแปลงปลูกพืชรอบพื้นที่ บริเวณดอยช้างมีอากาศดี และเย็นสบายเหมาะ สำหรับ การพักผ่อน ในช่วงเดือนธ.ค. – ต้นม.ค. ดอกพญาเสือโคร่งจะบานเป็นสีมชมพูทั่วภูเขางดงามยิ่งนัก













2.ชิมกาแฟอาราบิกา
เนื่องจากพื้นที่ดอยช้างอยู่ที่ระดับความสูงเกิน 1,000 เมตร เหมาะสำหรับปลูกกาแฟอาราบิกา จึงได้ผลผลิตดี ทางศูนย์ติดตั้งเครื่องคั่วบดกาแฟ เพื่อแปรรูปวัตถุดิบ มีกาแฟที่คั่วบดแล้วให้นักท่องเที่ยวได้ลองชิม




























5.บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
บริเวณดอยช้างแห่งนี้ มีอีกหนึ่งสถานที่ที่สำคัญ และเหล่าชาวพุทธศาสนิกชนไม่ควรข้ามผ่านไปอย่างเด็ดขาด นั่นคือ บริเวณพุทธอุทยานดอยช้าง ซึ่งมีหลวงพ่ออำนาจ สีลคุโณ ได้มาปฏิบัติธรรมจำพรรษาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 2532 เป็นผู้ดูแลรักษาพุทธอุทยาน ดอยช้าง ยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติของป่าไม้ไว้ได้อย่างสมบูรณ์มาก มีบึงน้ำ ขนาดใหญ่หรือที่เรียกว่าสระมรกตอยู่กลางพุทธอุทยาน สีเขียวของน้ำบ่งบอกได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ บริเวณ รอบๆ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ตลอดเส้นทางที่เดินไปก็จะมีเสียงกบ เสียงจิ้งหรีดร้องทักทาย อยู่ตลอด เวลา ทางเดินเล็กๆ จากบ่อน้ำจะนำพาเราไปสู่ลานพุทธสถานที่มีพระพุทธรูปปางต่างๆไว้ให้ประชาชน ได้กราบไหว้ สักการบูชา

4. จุดชมวิวดอยช้าง
บริเวณโดยรอบของจุดชมวิวจะถุกประดับประดาไปด้วยพรรณไม้เมืองหนาวมากมาย หลากหลายสี ถ้ามาในช่วง ฤดูหนาว ที่จุดชมวิวแห่งนี้จะมีอากาศหนาวเย็นตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 5 โมงเย็นไปเลยทีเดียว เนินเล็กๆ ของจุด ชมวิว เป็นที่ให้นักท่องเที่ยวได้นักพักผ่อน และเฝ้ารอการกลับบ้านของพระอาทิตย์ ซึ่งแสงสุดท้ายที่สาดส่อง ขึ้น ไปทั่วฟ้าสวยงามเหลือจะบรรยาย แต่เราไม่มีโอกาสได้นั่งดูนานนัก เพราะถ้าพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ไม่นานที่นี่ ก็จะมืดสนิท ไม่สะดวกในการเดินทางเท่าไรนัก
แผนที่ไปดอยช้าง
http://www.paiduaykan.com/76_province/north/chiangrai/doichang.html


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น